รุ่งเช้าในเมืองเอดินเบอระคือเวลาออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้เป็นครั้งสุดท้ายและปลายทางคือเมืองที่เราชอบที่สุด นั่นก็คือ Glasgow ค่ะ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สนุกที่สุด คนใจดีที่สุด (ได้โหวตเป็นที่ 1 ของโลกเรื่องความเป็นมิตรกับคนต่างชาติ) เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ที่ชอปปิ้ง ผับ มีชื่อโด่งดังเรื่องศิลปะและดนตรี (UNESCO's City of Music) แถมยังเป็นเมืองที่มีสัดส่วนวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์สูงสุดใน UK ด้วยนะ รอบนี้เดินทางด้วยรถบัส (มาแล้วก็ลองให้หมด ฮ่า ๆ) ออกจากที่พักโดยการบริการอย่างอบอุ่นจากคุณลุง (และเจ้าเหมียว) เจ้าของที่พักที่แสนจะใจดี ตั้งแต่เรียกแท็กซี่ ยกกระเป๋า และยืนส่งเราขึ้นรถพร้อมอวยพรให้เราโชคดีและเรียกเราด้วยคำที่ไม่คุ้นหูแต่กลับชอบว่า ‘Young Lady’
รีวิว Glasgowหน้าตาของเจ้าเหมียวที่มานั่งส่งเราค่า 5555 เป็นแมวของคุณลุงเจ้าของที่พักค่ะ
เรียนต่อ Glasgowมาถึง Bus Station เร็วไปหน่อยก็เลยนั่งรอไปพักนึงค่ะ ระหว่างรอก็ได้สังเกตว่าตารางเดินรถของเขานี่ตรงราวกับไม้บรรทัด เวลาที่เข้ามาถึงก็ไม่มีเลท เวลารถออกก็ไม่มีรอใคร แจ้งไว้บนจอแสดงเที่ยวรถยังไงก็ตามนั้นเลยค่ะ เมื่อถึงรอบของเราก็เอากระเป๋าไปเก็บใต้รถ และเมื่อรถออกเดินทาง...เราก็หลับอีกแล้วค่ะ ไม่รู้ง่วงอะไรขนาดนั้น ฮ่าๆ
รีวิว เรียนต่อ Glasgowเมื่อมาถึง Buchanan bus station เมือง Glasgow สิ่งแรกที่เราทำก็คือหาแท็กซี่ค่ะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ายังไงเราหาไม่เจอเลยสักคัน ไม่ใช่ไม่รับผู้โดยสารนะคะแต่ไม่เจอเลยจริง ๆ ค่ะ เดินลากประเป๋าไปซ้ายไปขวาอยู่พักนึงจนมาเจอคุณลุงท่านนึงเป็นคนท้องถิ่นพอดี เขาเข้ามาถามเราก่อนเลยว่าหลงหรือเปล่า เราเลยบอกไปว่าไม่ใช่และกำลังหาแท็กซี่ค่ะ เพียงเท่านั้นเขาก็พาเราเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ไปจนถึงจุดที่แท็กซี่จอดกันอยู่เต็มไปหมด ซึ่งเป็นคนละทางกับที่ลุงเขาจะไปเลยค่ะ แต่ก็ยังใจดีเดินพาเรามาจนถึงที่โดยไม่อิดออด แถมยังดูเต็มใจจะช่วยเหลือสุด ๆ น้ำตาจะไหลเลยตอนนั้น เพราะก่อนหน้าจะเจอคุณลุงเราก็มีถามอยู่หลายคนค่ะ แต่ส่วนใหญ่ไปจิ้มเจอนักท่องเที่ยวทั้งนั้นเขาเลยช่วยอะไรไม่ได้มากแม้จะอยากช่วยก็ตาม พอเจอคนใจดีขนาดนี้ก็ทำเอาเราซึ้งใจจริง ๆ ค่ะ
รีวิว Strathclydeถึงที่พักและเช็กอินเรียบร้อยเราก็ออกมาทัวร์ U of Strathclyde ก่อนเลยค่ะ University of Strathclyde เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้าน Business และ Engineering โดยแคมปัสตั้งอยู่กลางเมือง Glasgow เลย เดินทางสะดวกสุด ๆ เดินแปปเดียวก็ถึงแหล่งช็อปปิ้งอย่าง Buchanan Street แล้ว ใกล้ ๆ ยังมี Underground กับสถานีรถไฟด้วยนะ นั่งไปลงฝั่ง West End ได้ (อ้อ! จะบอกว่ารอบ ๆ มหาวิทยาลัย ของกินเยอะมากกก)
เรียนต่อ Strathclyde
ตึกเรียนของที่ Strathclyde จะเป็นแนว Modern มากกว่า ตึกที่เก่าที่สุดของที่นี่มีชื่อว่า Royal College Building ช่วงที่ไปยังเป็นช่วงที่ตึกกำลังซ่อมอยู่พอดีค่ะ เลยไม่ได้เห็นตัวอาคารแบบเต็ม ๆ เท่าไหร่ แต่ว่าข้างในบางส่วนก็ยังเปิดใช้งานตามปกตินะ ข้างในตึกส่วนใหญ่จะเป็นพวกห้องเรียน ห้องแล็บของ Engineering แล้วก็ของ Science บางส่วน
รีวิว เรียนต่อ Strathclydeข้าง ๆ กันจะเป็น John Weir Building ซึ่งเป็นตึกของ Engineering เหมือนกัน ช่วงที่ไปยังเป็นช่วงที่ปิดเทอมอยู่ เลยมีโอกาสเข้าไปดู Facility ต่าง ๆ ด้วย อย่างของที่ตึกนี้ เขาจะแบ่งเลยว่าชั้นนี้เป็นของ Department ไหน
รีวิว Edinburgh
ห้องแล็บต่าง ๆ ภายในตึก แล็บพวกนี้จะเป็นของ Department of Civil & Environmental Engineering ค่ะ ตอนไปดูก็ยังมีนักเรียน PhD เข้ามาทำ Project ของตัวเองกันอยู่ (แอบตกใจนิดหน่อย ตอนอาจารย์พาเดินเข้าไปดูแล้วเจอคอมพิวเตอร์กำลังรันโปรแกรม แต่ไม่มีคนอยู่ในห้องเลย ฮ่า ๆ )
รีวิว Edinburgh University
ห้องแล็บของ Department of Mechanical and Aerospace Engineering บอกเลยว่าเครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการทดลอง หรือทำ Project ของที่นี่มีเยอะมาก แถมยังมีห้องแล็บที่ใหญ่มาก ๆ เหมือนเอาโรงงานมาตั้งไว้จริง ๆ ด้วย
บรรยายกาศรอบ ๆ มหาวิทยาลัยนะคะ ภาพแรกจะเป็นตึกของ Strathclyde Business School ส่วนภาพที่สองจะเป็น Strathclyde Institute of Pharmacy and Biomedical Sciences โดยภายในอาคารจะเป็นทั้งห้องเรียน และห้องแล็บเหมือนกัน
รีวิว University of Edinburgh
ห้องแล็บของ Pharmacy ค่ะ เดินเข้ามาก็แอบสะดุ้งเหมือนกันนะ
เรียนต่อ University of Edinburghบรรยากาศในห้องแล็บของที่นี่เงียบกว่าของที่ Engineering หน่อยค่ะ แต่ที่ตลกคือแทนที่จะเปิดเข้ามาแล้วเจอห้องแล็บเงียบ ๆ กลับกลายเป็นว่าในห้องกำลังเล่นเพลงของ Whitney Houston อยู่ น่าจะมีคนเปิดทิ้งไว้ (อาจารย์ที่พาชมถึงกับแซวว่า ทำแล็บนี่จำเป็นต้องสุนทรีย์กันขนาดนี้ไหม ฮ่า ๆ )
ในวันที่สองก็คือมีทัวร์ U of Glasgow ก่อนเลยค่ะ เมื่อมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยก็คือตาค้างไปเลย ชอบมาก สวยมากค่ะ ถึงแม้อากาศจะเย็น ๆ หน่อยแต่ก็เดินชมได้สบายมาก ๆ ค่ะ
U of Edinburgh รีวิว
โดยส่วนตัวคือชอบสถาปัตยกรรมที่เมืองกลาสโกว์มาก ๆ สวยแบบสวยมากค่ะ (มันก็อาจจะดูอวย ๆ หน่อย แต่ไม่ปฏิเสธค่ะเพราะอวยจริง 555)
Edinburgh University รีวิว
ที่นี่เรียกว่า Bute Hall ค่ะ เป็นที่สำหรับจัดพิธีรับปริญญาบัตร ซึ่งหากเป็นวันรับจริงจะมีกล้องไว้จับภาพผู้สำเร็จการศึกษาทุกคนเวลาลงจากบันไดตลอดเวลาเลยค่ะ
กลิ่นอายแบบปราสาทมันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ฮอกวอตส์เลยค่ะ แอบมือสั่นจริง ๆ 555 เหมือนหลุดไปอยู่ในโลกเวทมนตร์เลย (เอ...หรือว่านี่คือฮอกวอตส์จริง ๆ หรือเปล่านะ)
ณ จุดนั้นถ้ามีไม้กวาดในมือก็คือเลือกบ้านเลยนะคะ เราเคยเล่นใน pottermore ได้บ้าน Slytherin ค่ะ...ร้ายกาจ!
เอาล่ะ วันนี้จะมีแข่งควิชดิชระหว่างบ้านไหนกับบ้านไหนนะ? (ความแฟนเกิร์ลนี้ 555)
The Hunterian Museums จะตั้งอยู่ที่แคมปัส Gilmorehill ค่ะ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันอังคาร - วันเสาร์ เวลา 10.00 – 17:00 และวันอาทิตย์ เวลา 11:00 - 16:00 ซึ่งจะปิดทำการในทุกวันจันทร์ค่ะ และเรา...ไปวันจันทร์ค่ะแงงง ไม่ได้เข้าอ่า เสียดายเลย TT ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เข้าชม ฟรี! นะคะ
อันนี้จะเป็น Student Services ค่ะ เข้ามาก็คือสามารถปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือมีปัญหาอะไรก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ที่นี่ได้เลยค่ะ
แล้วก็ที่นี่ยังมี facilities ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนนักศึกษาอีกด้วย
Student Services นี้ เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 07:00 - 17:00 ค่ะ
อีกทั้งหากเดินลงไปชั้นล่าง จะมีศูนย์บริการทางการแพทย์ NHS สำหรับนักเรียนอยู่ภายในตัวมหาวิทยาลัยเลยค่ะ หากเจ็บป่วยเบื้องต้นสามารถมาสอบถามหรือขอความช่วยเหลือจากที่นี่ก่อนไปโรงพยาบาลจริง ๆ ได้เลยค่ะ
ถัดไปทางซ้ายมือจะเป็น McMillan Reading Room หรือรู้จักกันในอีกชื่อ Round Reading Room ค่ะ
อย่างถ้าเป็นมหาวิทยาลัยบ้านเขาก็จะต่างจากมหาวิทยาลัยบ้านเราส่วนใหญ่หน่อย ตรงที่ตึกเรียนหรืออาคารต่าง ๆ ของตัวมหาวิทยาลัยจะไม่ได้อยู่ในรั้วเดียวกันค่ะ อยู่ในระแวกเดียวกันแต่ก็จะมีถนนตัดผ่านเหมือนมหาวิทยาลัยของเราบางแห่ง เช่น เทคโนลาดกระบัง
ถ้ามองไปทางด้านหลังจะเห็นตึกสไตล์โมเดิร์นเยอะเลย เมืองกลาสโกว์นี้มีความผสมผสานความยุคใหม่กับกลิ่นอายแบบเก่า ๆ ไว้ด้วยกันอย่างสวยงามและลงตัวเลยค่ะ
พักกลางวันทางเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยก็พาไปกินร้านอาหารไทยกันค่ะ ชื่อ Thai Siam ซึ่ง...พนักงานในร้านเป็นคนไทยเลยค่ะ /น้ำตาจะไหล ก็คือพูดไทยเลยค่ะตอนนั้น ฮ่าๆ เสร็จแล้วก็มีทัวร์ต่ออีกนิดหน่อยค่ะ
ภาพ U of Glasgow จากมุมด้านนอกตัวมหาวิทยาลัยค่ะ เราชอบความปราสาทของมหาวิทยาลัยที่นี่มาก ๆ เลย ><
แล้วเราก็เดินกลับที่พัก แต่ระหว่างทางก่อนจะถึงที่พักเราเลยก็คือเป็นเนินค่ะ เนินสูงมากกกก เหนื่อยมากกกก บางช่วงเนินชันจริง ๆ ค่ะแบบหวั่นกลัวลื่นเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกดีค่ะเพราะอยู่ไทยไม่ค่อยได้ทำ ถือว่าได้ออกกำลังไปในตัว ฮ่าๆ อากาศบ้านเรามันเดินเล่นแบบนี้ไม่ได้อะค่ะ แสงแดดแผดเผาสุด ๆ 555
ระหว่างพักหายใจที่ห้องก็นัดแนะกับนักเรียนที่ทาง McDucation ดูแลเพื่อมาพบปะพูดคุยกันค่ะ ด้วยความที่เราไปครั้งแรกก็เลยดูแลเราดีมาก มารับถึงหน้าที่พักเลยทีเดียว เสร็จแล้วก็พากันนั่งรถเข้าไปในตัวเมืองค่ะ ผู้คนขวักไคว่ครึกครื้นอยู่ตลอดค่ะ ที่สำคัญเลยคือสถาปัตยกรรมรอบ ๆ สวยมาก
พี่ผู้ชายด้านซ้ายชื่อ ออร์แกน ค่ะ เรียน MSC Transnational Crime, Justice & Security - University of Glasgow ส่วนพี่ผู้หญิงชื่อ กิฟต์ เรียน LLM Intellectual Property and the Digital Economy ที่ University of Glasgow เช่นเดียวกันค่ะ
และเราก็ประเดิมที่แรกด้วย Glasgow Cathedral เรียกได้ว่าเป็น Landmark ที่ใครมา Glasgow ไม่ควรพลาด จริง ๆ โบสถ์ตั้งอยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัย Strathclyde เลยค่ะ ถ้าใครว่าง ๆ มาเดินเล่นได้นะ
Landmark ที่ Glasgow เยอะมากเลย เที่ยววันเดียวก็ไม่หมด ฮ่า ๆ ถ้านั่งบัสเลยนอกเมืองกันออกมาหน่อยก็จะเจอกับ Riverside Museum ค่ะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ พาหนะต่าง ๆ ที่ใช้ในสมัยก่อนค่ะ
อีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดกันเลยนั่นก็คือ Kelvingrove Art Gallery and Museum นั่นเองค่ะ Kelvingrove Art Gallery and Museum เป็นพิพิธพัณฑ์ที่รวบรวมผลงานจากศิลปินชื่อดังหลายท่านเลยค่ะ อีกทั้งยังมีโซนที่เล่าเรื่องราวความเป็นมาของ Scotland เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ หรือจะเป็นโซนที่บอกเล่าเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ อีกด้วย
หลังจากเดินกันจนพอใจแล้วท้องก็เริ่มร้องค่ะ พี่ ๆ เขาพามาร้านราเมงที่นึงค่ะ ตอนสั่งก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอจานเรามาเสิร์ฟจริง ๆ ก็แอบช็อกไปเหมือนกัน ชามใหญ่มากเยอะมาก แค่มองก็อิ่มแล้วค่ะ
กินเสร็จก็เย็นมากแล้ว พี่ ๆ เขาก็เลยพาทัวร์อีกหน่อย คือทางเดินอันนี้ชันจริง ๆ ตามในรูปคือเดินลงสบายมาก ๆ ค่ะ แต่ถ้าเดินขึ้นล่ะก็...มีหอบกันไปข้างนึงแหละค่ะ 555
และขอซ้ำอีกทีได้ไหมคะว่าสิ่งก่อสร้างที่นี่มันสวยจริง ๆ นะ TT
ม้านั่งสาธารณะก็คือสะอาดสะอ้านใช้งานได้อย่างสบายใจจริง ๆ
และแล้วเย็นวันนั้นเราก็มาจบกันที่ผับแห่งหนึ่งค่ะ ชื่อ The Old School House ชอบบรรยากาศมาก ๆ เหมือนอย่างที่เห็นในหนังหรือซีรีส์เลยค่ะ สวยด้วย
อันนี้เป็นเครื่องดื่มเราค่ะ พี่เขาสั่งมาให้เลยเป็น ม็อกเทล เพราะเราออกตัวแต่แรกว่าไม่ดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ ^^ อร่อย หอม หวาน จิบได้เรื่อย ๆ เลยค่ะ
คุยกันไปเรื่อย ตั้งแต่เรื่องเรียน ความเป็นอยู่ระหว่างที่เรียนอยู่ที่นี่ รวมไปถึงเรื่องจิปาถะต่าง ๆ คุยกันสนุกมากจนแทบลืมเวลา แต่พอตัดสินใจจะกลับช่วงสองทุ่มฝนก็ดันเทลงมาอย่างหนักเลยค่ะ ติดแหง็กนั่งเม้ากันต่อไป พอเริ่มค่ำคนก็เริ่มเยอะขึ้นค่ะ มาดื่มและพบปะพูดคุยเหมือนเราก็ใช่ค่ะ แต่อีกเหตุผลนึงคือมาดูบอลกันค่ะ ฮ่า ๆ จนเมื่อฝนซาและเวลาก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่าพวกพี่ ๆ เขาก็เดินมาส่งเราถึงหน้าที่พักเช่นเดิมเลยค่ะ
สำหรับวันที่ 3 ในเมืองกลาสโกว์นั้น...Glasgow School of Art คือที่ที่เราจะไปทัวร์ในวันนี้ค่ะ ตอนเราไปจะแอบหาตึกยากนิดนึงค่ะ เพราะกำลังมีการซ่อมแซมและก่อสร้างอาคารอยู่บริเวณนั้น ภายใน Reid Building ซึ่งเป็นจุดนัดพบและเริ่มทัวร์ก็มี Facilities ต่าง ๆ สำหรับนักเรียนออกแบบมากมายเลยค่ะ
ภาพหน้าทางเข้าและเคาน์เตอร์ Reception ค่ะ เจ้าหน้าที่พาเราไปรับบัตร Visitor เพื่อใช้ในการเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วก็เริ่มการทัวร์ทันทีเลยค่ะ
ที่แรกที่แวะชมเลยก็คือ Auditorium แห่งนี้ค่า ซึ่งหลังจากผ่านทางเข้ามาก็ลงไปตามทางขวามือ ตามลูกศรในภาพก่อนหน้าได้เลยค่ะ
หลังจากลงล่างไปแล้ว ถัดมาก็คือการขึ้นบนนั่นเอง เดินขึ้นมาหน่อยก็จะเจอเข้ากับคาเฟ่สำหรับบุคลากรของสถาบันและนักศึกษาค่ะ จะมองเห็นเลยว่าฝั่งตรงข้ามกำลังมีการก่อสร้างอาคารอยู่ วิวก็เลยจะเป็นอย่างที่เห็นค่ะ แต่ยังดีที่ช่วงเช้า ๆ ยังมีแดดออกอยู่บ้างเลยไม่มืดครึ้มเกินไปนัก
ห้องนี้จะเป็นห้องปฏิบัตรการสำหรับงานสิ่งทอค่ะ
อันนี้จะเป็นโซนของ Product Design Engineering ค่ะ
และมีเจ้า Ultimaker เครื่องพิมพ์สามมิติตัวนี้ด้วย!
และห้องนี้ก็จะเป็นห้องปฏิบัติการงานฝีมือทั้งออกแบบและตีโลหะให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ ค่ะ
ระหว่างทางจะไม่ค่อยเจอนักเรียนเท่าไหร่ค่ะ พอมีบ้างประปราย อาจจะมีบางห้องที่มีผลงานของนักเรียนอยู่เราเลยไม่ได้ถ่ายมานะคะ เพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน เพราะฉะนั้นเลยจะเป็นพวกอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการเรียนรู้เป็นส่วนใหญ่ค่ะ
ภาพนี้ใส่กรอบติดผนังไว้เฉย ๆ ค่ะ เราเห็นว่าสวยดีเลยขออนุญาตอาจารย์ถ่ายมาเก็บไว้ ^^
หลังจาก meeting เสร็จเราก็ดำเนินการทัวร์เมืองด้วยตัวเองอีกรอบปิดท้ายและซื้อของฝากค่ะ
บริเวณตัวเมืองนี้ช้อปหรือร้านค้าต่าง ๆ จะครบครันเลยทีเดียว ตั้งแต่ร้านอาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ รองเท้า และอื่น ๆ อีกมากมายเต็มสองข้างทางเลยค่ะ และผู้คนก็ครึกครื้นมาก เดินกันขวักไคว่ไปหมดไม่เหงาเลยค่ะ
... มีต่อ ...
ติดตามตอนต่อไปกับ...
• พาเที่ยว Scotland ตอนที่ 5.2 - ปิดท้ายด้วย กลาสโกว์ เมืองสำหรับขาช็อปและสายเที่ยว เค้าว่าคนเมืองนี้ friendly ที่สุดในโลกด้วย :) [Aberdeen-Stirling-Dundee-St Andrews-Edinburgh-Glasgow]
หรือย้อนอ่านตอนเก่าๆ ตอนที่ 1, 2, 3, 4 ได้ที่
• พาเที่ยว Scotland ตอนที่ 1 - พบกับอเบอร์ดีน เชียงใหม่แห่งสก็อตแลนด์ [Aberdeen-Stirling-Dundee-St Andrews-Edinburgh-Glasgow]
• พาเที่ยว Scotland ตอนที่ 2 - สเตอร์ลิง โคตรสเป๊คสำหรับคนชอบเมืองบรรยากาศน่ารักๆ ชิลได้ตลอดปี [Aberdeen-Stirling-Dundee-St Andrews-Edinburgh-Glasgow]
• พาเที่ยว Scotland ตอนที่ 3 - ดันดี เมืองริมน้ำสวยจับตากับไอแดดอุ่น ๆ & แวะชม เซ็นแอนดรูวส์ มหาวิทยาลัยเก่าแก่สุดของสก็อต [Aberdeen-Stirling-Dundee-St Andrews-Edinburgh-Glasgow]
• พาเที่ยว Scotland ตอนที่ 4 - เอดินเบอระ เมืองหลวงและศูนย์ราชการของประเทศ จะทำไรต้องมาติดต่อที่นี่ [Aberdeen-Stirling-Dundee-St Andrews-Edinburgh-Glasgow]
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม